กระแสดัง ยิงพลุใส่ กู่คำ เวียงกุมกาม อ้างบูชาพระธาตุ

กระแสดัง  กระแสฮิต ตอนนี้  ข่าวกระแสดัง  ข่าวกระแสรายวัน  กระแส ออนไลน์  เกาะกระแสล่าสุด  กระแส ตอนนี้  กระแสสังคมในปัจจุบัน  ข่าวเป็นกระแส  ข่าว กระแสแรง  เกาะกระแส ข่าว  ข่าว โลกออนไลน์  Hot News ประเทศไทย  ติดตาม ข่าว  ข่าว โซเชียล

 

กระแสดัง ยิงพลุใส่ กู่คำ เวียงกุมกาม อ้างบูชาพระธาตุ (1)

กระแสฮิต ตอนนี้

กระแสดัง ถกสนั่น ตุ๊เจ้าโพสต์คลิปยิงพลุใส่ ‘กู่คำ’ เวียงกุมกาม อ้างบูชาพระธาตุกระแสฮิต ตอนนี้ จี้กรมศิลป์แอ๊กชั่น เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์กรณีภิกษุรูปหนึ่งโพสต์คลิปวิดีโอสั้นผ่านช่องทางเฟซบุ๊กโดยเป็นภาพการจุดพลุไฟยิงตรงไปยังเจดีย์โบราณภายในวัดเจดีย์เหลี่ยม หรือวัดกู่คำ เวียงกุมกาม อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ โดยระบุว่ามีจุดประสงค์เพื่อบูชาพระธาตุ โดยในช่วงแรกมีผู้ใช้เฟซบุ๊กจำนวนมากเข้าไปพิมพ์ข้อความร่วมข่าวกระแสดังอนุโมทนาบุญอย่างไรก็ตาม ต่อมา มีผู้เข้าไปตั้งคำถามถึงความเหมาะสม เนื่องจากสถาปัตยกรรมดังกล่าวเป็นโบราณสถานขึ้นทะเบียนโดยกรมศิลปากร เสี่ยงต่อการเกิดความเสียหายอย่างมาก พร้อมกันนี้ยังเรียกร้องให้กรมศิลปากร

กระแสดัง ยิงพลุใส่ กู่คำ เวียงกุมกาม อ้างบูชาพระธาตุ (2)

ข่าวกระแสดัง

ข่าวกระแสรายวันเข้าตรวจสอบอย่างเร่งด่วน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมา ภิกษุรูปเดียวกัน โพสต์ข้อความชี้แจงว่า ขอบคุณทุกๆ ความคิดเห็น มีเกาะกระแส ข่าว เป็นกรณีศึกษาเรื่องบอกไฟพุกับพระธาตุ บอกไฟพุนั้นไม่ได้จุดบนพระธาตุแต่จุดด้านหลังพระธาตุคนละที่กันไม่มีอะไรเสียหาย ช่างติดกระแส ออนไลน์ บอกไฟนั้นทำด้วยความระมัดระวัง เสียงที่ดังนั้นคือบอกไฟพลุที่ดังมาจากด้านหลังพระธาตุไม่ใช่บนพระธาตุ ขอบคุณทุกๆ ความคิดเห็นที่เป็นห่วงหลากหลายมุมมอง เคารพทุกๆ ความคิดเห็น สาธุทั้งนี้ โบราณสถานดังกล่าว ได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถานในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 97 ตอนที่ 41 วันที่ 14 มีนาคม 2523 (วัดเจดีย์เหลี่ยม) ข้อมูลจาก ‘ฐานข้อมูลแหล่งโบราณคดีที่สำคัญในประเทศไทย’ ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์กรมหาชน)

กระแสดัง ยิงพลุใส่ กู่คำ เวียงกุมกาม อ้างบูชาพระธาตุ (3)

ข่าวกระแสรายวัน

เกาะกระแสล่าสุดระบุว่า วัดเจดีย์เหลี่ยม มีชื่อเรียกอีกชื่อว่า วัดกู่คำ เป็นวัดที่สร้างขึ้นในสมัยที่พญามังรายสถาปนาเมืองเวียงกุมกามข่าว โลกออนไลน์ เมื่อ พ.ศ.1831 ภายหลังในสมัยช่วงรัชกาลที่ 5 มีการบูรณะครั้งใหญ่โดยหลวงโยนการวิจิตร ซึ่งเป็นคหบดีชาวมอญ สัญชาติพม่า ที่มาทำการค้าขายกระแส ตอนนี้ในเมืองเชียงใหม่ ทำให้รูปแบบศิลปกรรมบนเจดีย์มีลักษณะเป็นแบบศิลปะพม่ากรมศิลปากรได้ดำเนินการบูรณะและเสริมความมั่นคงให้กับเจดีย์ประธาน รวมถึงการขุดค้นศึกษาชั้นดินทางโบราณคดี ในปี พ.ศ.2539-2540 ตำนานท้องถิ่นที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ 1.ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ บันทึกว่า “…เจ้ามังรายจึงหื้อไปเอาดินหนองต่างมาก่อเจดีย์กู่คำวันนั้นแล…” 2.ตำนานชินกาลมาลีปกรณ์ บันทึกว่า “…ต่อจากได้ชัยชนะพระเจ้าญีบาแล้ว

กระแสดัง ยิงพลุใส่ กู่คำ เวียงกุมกาม อ้างบูชาพระธาตุ (4)

กระแส ออนไลน์

กระแสสังคมในปัจจุบันพระเจ้ามังรายได้สร้างนครกุมกาม แล้วโปรดให้สร้างเจดีย์กู่คำขึ้นในนครนั้น เรียงราย Hot News ประเทศไทยไปด้วยพระพุทธรูป 60 องค์…”3.พงศาวดารโยนก บันทึกว่า “…ลุจุลศักราช 650 (พ.ศ.1831) ปีชวด สัมฤทธิศก เจ้าเมงรายให้เอาดินที่ขุดต่างหนองมาต่างมาทำอิฐก่อเจดีย์กู่คำไว้ในเวียงกุมกาม…” 4.โคลงนิราศหริภุญชัย ปรากฏในบทที่ 45 ระบุถึงพญามังรายทรงสร้างกู่คำเพื่อเป็นที่บรรจุพระอัฐิพระมเหสีองค์หนึ่งของพระองค์นอกจากนี้ จารึกวัดศรีอุโมงค์คำ จ.ศ.885 (พ.ศ.2066) ข่าวเป็นกระแส ยังระบุว่ากู่คำเป็นที่บรรจุพระธาตุ ทั้งนี้ เจดีย์ประธาน เป็นเจดีย์ทรงปราสาทในผังสี่เหลี่ยมจัตุรัส ก่ออิฐถือปูน เฉพาะส่วนฐานมีการก่อเสริมด้วยศิลา ซึ่งเป็นรูปทรงที่ถ่ายแบบมาจากเจดีย์กู่กุด วัดจามเทวี จ.ลำพูน ส่วนฐานตอนล่างเป็นฐาน

กระแสดัง ยิงพลุใส่ กู่คำ เวียงกุมกาม อ้างบูชาพระธาตุ (5)

เกาะกระแสล่าสุด

ข่าว กระแสแรงเขียงในผังสี่เหลี่ยมจัตุรัส รองรับฐานปัทม์ท้องไม้ลูกแก้วยกเก็จ ตอนติดตาม ข่าวกลางเป็นเรือนธาตุทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสต่อขึ้นไปเป็นชั้นสี่เหลี่ยมจัตุรัสซ้อนลดหลั่นกัน 5 ชั้น เรือนธาตุแต่ละด้านประดับซุ้มจระนำประดิษฐานพระพุทธรูปด้านละ 3 องค์ ดังนั้นเรือนธาตุชั้นหนึ่งจะมีพระพุทธรูป 12 องค์ รวม 5 ชั้นมีพระพุทธรูปทั้งหมด 60 องค์ ตกแต่งซุ้มจระนำด้วยลวดลายปูนปั้นลายพันธุ์พฤกษา ทั้งนี้ ซุ้มจระนำในชั้นที่ 2 และชั้นที่ 3 ตกแต่งกรอบซุ้มด้วยพญานาคเคียวกัน ส่วนยอดข่าว โซเชียลมีลักษณะคล้ายบัวกลุ่มซ้อนกัน 2 ชั้น รองรับปลียอดและฉัตรสิงห์ปูนปั้นทั้ง 4 มุม และในตอนกลางแต่ละด้านเป็นซุ้มจระนำประดิษฐานพระพุทธรูปประทับนั่งในปางต่างๆ ซุ้มจระนำด้านทิศตะวันออกประดิษฐานพระพุทธรูปปางสมาธิ  กระแสดัง

 

ขอบคุณเครดิต          dailynews.co.th

 

ข่าวแนะนำ